ข้อดีข้อเสียการเรียนภาษาอังกฤษแบบกลุ่มเล็ก 2 - 4 คน

ข้อดีและข้อเสียของการเรียนแบบภาษาอังกฤษแบบกลุ่มเล็ก 2 - 4 คน
  • ข้อดี
    1. ได้สนทนาเป็นภาษาอังกฤษกับเพื่อนในกลุ่ม - เนื่องจากเป็นการเรียนแบบกลุ่มเล็ก เราจึงมีโอกาสได้คุยทั้งกับเพื่อนและครู เราจะได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษกับคนมากขึ้น (ถ้าเรียนแบบตัวต่อตัวก็จะได้คุยกับครูแค่คนเดียว)
    2. บางครั้งครูจะแก้เวลาเราพูดผิดให้ แต่อาจจะไม่มากเท่าแบบเรียนตัวต่อตัว - เนื่องจากจำนวนนักเรียนมีหลายคน จะให้ครูคนเดียวตามแก้ทุกคนคงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังมีครูแก้ให้บ้างเวลาพูดผิด
    3. ค่าเรียนถูกกว่าเรียนแบบตัวต่อตัว - ค่าเรียนแบบกลุ่มเล็ก 2 - 4 คนจะถูกกว่าเรียนแบบตัวต่อตัว เช่น ถ้าราคาค่าเรียนตัวต่อตัวอยู่ที่ชั่วโมงละ 400 บาท ค่าเรียนแบบกลุ่มอาจจะอยู่ที่ชั่วโมงละ 300 - 350 บาท
    1. ข้อเสีย
      1. ถ้าเพื่อนในกลุ่มมีหลากหลายระดับ เราจะเสียเวลารอครูสอนคนที่อ่อนกว่า และจะไม่เข้าใจเวลาครูสอนเรื่องสำหรับคนที่เก่งกว่าเรา - ถ้าระดับภาษาอังกฤษของคนที่เรียนในกลุ่มต่างกันมากๆ จะทำให้การเรียนต้องมีการรอคนในกลุ่ม
      2. ถ้าเป็นคอร์สเรียนสนทนา ครูอาจจะไม่ได้แก้ให้เราทุกครั้งเวลาเราพูดผิด - เนื่องจากจำนวนนักเรียนมีหลายคน ทำให้ครูไม่สามารถตั้งใจฟังทุกคนได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอาจจะมีบางครั้งที่เราพูดผิดและครูไม่ได่แก้ให้
      3. ติดสำเนียงของเพื่อน - เนื่องจากการเรียนแบบกลุ่มเล็กอาจจะต้องคุยกับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ อาจจะทำให้เราติดการออกเสียงของคำบางคำหรือใช้แกรมม่าผิดเหมือนเพื่อนในกลุ่ม
    • สรุป
      • การเรียนแบบกลุ่มเล็กๆ เหมาะสำหรับเด็กอายุประมาณ 2 -8 ขวบ เพราะเด็กจะได้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ ส่วนนักเรียนนักศึกษาและผู้ใหญ่ที่เริ่มต้นเรียนภาษาหรือมีความรู้ด้านภาษาในระดับเริ่มต้นถึงระดับกลาง (สื่อสารได้ แต่ใช้แกรมม่าผิด) ก็จะได้ประโยชน์เช่นกัน เพราะได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นในชีวิตประจำวัน และมีคนคอยแก้ให้เวลาคุณใช้ภาษาผิด

    ค่าเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัว ตอนที่ 1 จ้างครูมาสอนที่บ้าน

    "เท่าที่ผมเจอมา ครูสอนภาษาอังกฤษในไทยนั้นราคาแพงเกินจริงไปเยอะมาก ครูคนไทยบางคนค่าสอนชั่วโมงละ 500 บาท ส่วนครูเจ้าของภาษาบางคนราคาชั่วโมงละ 1000 บาท" สำหรับผมแล้วค่าสอนที่เหมาะสมสรุปได้ตามด้านล่างครับ
    1. ครูเจ้าของภาษา (ราคารวมค่าเดินทางและเอกสารการสอนทั้งหมด)
      • จบภาษาโดยตรงและมีประสบการณ์สอนเกิน 2 ปี 400 - 450 บาทต่อชั่วโมง 
      • จบภาษาโดยตรงแต่ไม่มีประสบการณ์สอน 400 - 450 บาทต่อชั่วโมง
      • จบคอร์สสอนภาษา CELTA, TESOL และมีประสบการณ์สอนเกิน 2 ปี 350 - 400 บาทต่อชั่วโมง
      • จบคอร์สสอนภาษา CELTA, TESOL แต่ไม่มีประสบการณ์สอน 300 - 400 บาทต่อชั่วโมง
      • นักท่องเที่ยว, มา retire ที่ประเทศไทย ไม่เกิน 300 บาทต่อชั่วโมง (แนะนำว่าเรียนเพื่อฝึกการสนทนาเท่านั้นนะครับ)
    2. ครูฟิลิปินส์ ไม่เกิน 300 บาทต่อชั่วโมง
    ถ้าค่าเรียนมากกว่านี้ถือว่าแพงเกินจริง เพราะ ในอเมริกา ค่าแรงสำหรับครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่ประมาณ 15 - 17 USD (ราคานี้สำหรับครูที่จบด้านภาษาและมีประสบการณ์การสอนใน California) ถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็ประมาณ 450 - 510 บาท แต่ประเทศไทยค่าครองชีพต่ำกว่าที่ USA เพราะฉะนั้นค่าสอนควรจะถูกกว่า ถ้าเราเรียนอาทิตย์ละ 3 วันหรือมากกว่าให้ลองต่อราคาดูว่าลดได้เท่าไหร่ (ถ้าเรียนตั้งแต่ 3 วันต่ออาทิตย์ขึ้นไป ค่าสอนไม่ควรเกินชั่วโมงละ 400 บาท)

    ผมเคยเชื่อว่าของที่ดีที่สุดต้องแพง(หรือแพงที่สุด) แต่จากประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษกับครูหลายคน (เกิน 50 คน, เป็นครูเจ้าของภาษาเกือบทุกคน, เท่าที่จำได้มีแค่ 3 คนที่ไม่ได้เป็น native speaker) คนที่ราคาแพงหรือแพงที่สุดไม่ได้ดีที่สุด

    ครูที่สอนดีที่สุดสำหรับผมค่าสอน 7.6 USD ต่อ 45 นาที  ครูคนนี้เป็น native speaker จบ ป.โทด้านภาษาโดยตรงจาก University of California การสอนใช้หนังสือ American Headway เป็นหลัก และจะมีเอกสารอื่นๆ เพิ่มเติมตามสิ่งที่เราต้องปรับปรุง เช่น ผมไม่เข้าใจเรื่อง present simple และในหนังสืออธิบายไม่ละเอียด เค้าก็จะทำเอกสารเพิ่มมาสอนผม หรือให้ผมรีวิวหลังเลิกเรียน ในชั่วโมงเรียนเค้าตั้งใจสอนมาก คอยบอกเวลาเราพูดไม่ถูกหรือพูดถูกแกรมม่าแต่ฟังแล้วไม่เหมือน native speaker ครูคนนี้จะเน้นเรื่อง final -s(es) กับ subject verb agreement มาก

    ครูอีกคนที่ผมเรียนแล้วรู้สึกว่าสอนดีก็มาจาก California (จบ UC เหมือนกับคนแรก) คนนี้ค่าสอนชั่วโมงละ 400 บาทแต่ถ้าซื้อทีละ 5 ชั่วโมงจะลด 10% เหลือ 1800 บาท ครูคนนี้เตรียมตัวสอนดีมาก มีเอกสารให้ทุกครั้ง และตั้งใจสอนตลอดเวลาที่เรียน คอยฟังสิ่งที่เราพูดว่าออกเสียงถูกและใช้แกรมม่าถูกหรือเปล่า ครูคนนี้จะเน้นแกรมม่า subject verb agreement กับ preposition นอกจากนี้เค้ายังสอน idioms อีกด้วย

    พูดถึงครูที่สอนดีแล้วก็ต้องพูดถึงครูที่สอนไม่ดีบ้าง
    ครูคนนี้เป็นครูคนแรกที่ผมจ้างมาสอนที่บ้าน ราคาค่าสอนชั่วโมงละ 400 บาทไม่รวมค่าเดินทาง เนื่องจากเป็นครูคนแรก ผมยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง จำได้ว่าผมเจอเค้าลงประกาศรับสอนภาษาอังกฤษในเว็บ จากนั้นผมโทรไปนัดแล้วก็ตกลงเรียนกับเค้าเลย ตลอดเวลาที่เรียนกับเค้าผมรู้สึกว่าไม่ค่อยได้อะไร การเรียนทุกครั้งผมต้องเตรียมหนังสือพิมพ์หรือบทความเพื่อไปอ่านและคุยกับเค้า จากนั้นเค้าจะเขียนคำศัพท์ที่ผมไม่รู้ให้ลงในสมุด ซึ่งไม่ตรงกับที่ตกลงกันไว้ตอนก่อนเรียน (ตอนก่อนเรียนตกลงกันว่าผมจะเรียน conversation และเค้าจะเตรียมเอกสารมาให้)

    ครูอีกคนที่สอนแย่จบจาก University of Arizona ตอนก่อนตกลงเรียนผมถามรายละเอียดการสอน และเรื่องเอกสาร เค้าบอกว่าเค้าจะเป็นคนเตรียมทั้งหมด ส่วนวิธีการสอนของเค้าคือจะคอยดูแกรมม่าและการออกเสียงให้เรา ซึ่งเค้าทำได้ดีตอนก่อนผมตกลงเรียน พอเริ่มเรียน 2 - 3 ครั้งแรกเค้าก็เตรียมเอกสารมา แต่บอกว่าผมพูดถูกแกรมม่าทุกอย่าง หนังจากนั้นก็เริ่มไม่มีเอกสารและเหมือนมานั่งคุยกับผมจนจบชั่วโมง ครูคนนี้ค่าสอนชั่วโมงละ 500 บาท ถ้าลงเรียน 20 ครั้งลดเหลือครั้งละ 400 บาท

    เทคนิคส่วนตัวสำหรับคิดว่าถูกหรือแพงสำหรับผมคือ
    จำนวนชั่วโมง x 6 (จำนวนชั่วโมงทำงานต่อวัน) x 22 (จำนวนวันที่ทำงานใน 1 เดือน)
    ตัวอย่าง ค่าสอนชั่วโมงละ 400 บาทก็จะเป็น 400 x 6 x 22 = 52800

    หลังจากได้ผลลัพท์แล้ว ผมก็จะคิดว่า ถ้าผมจะจ้างพนักงานสักหนึ่งคนด้วยเงินเดือน 52800 บาท (ตามตัวอย่างด้านบน) ผมคาดหวังอะไรบ้าง จากนั้นก็ลิสต์ออกมาเป็นข้อๆ เช่น

    1. เตรียมตัวสอนอย่างดีทุกครั้ง มีเอกสารการสอนพร้อม
    2. สามารถตอบคำถามได้ทุกอย่างหรือเกือบทุกอย่างในภาษาอังกฤษ
    3. มีความตั้งใจในการสอน คอยฟังเวลาผมพูดและแก้ไขเวลาพูดผิด
    4. มีความอดทนในการสอน เพราะบางเรื่องผมอาจจะเข้าใจช้าหรือคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร 
    จากนั้นก็จะคอยประเมินคนสอนว่าทำได้ตามที่เราต้องการหรือเปล่า ถ้าทำได้ผมก็เรียนต่อ (จ้างต่อ) ถ้าทำไม่ได้ผมก็เลิกเรียน (ไล่ออก)

    ข้อดี-ข้อเสียของการเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัว

    ข้อดีและข้อเสียของการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว
    • ข้อดี
      1. เลือกเนื้อหาที่ต้องการเรียนได้เอง เช่น conversation, business English, etc. - จากที่ผมเจอมา ครูแต่ละคนจะมีด้านที่ตัวเองถนัด เช่น บางคนถนัดเรื่องการออกเสียง บางคนถนัดการสนทนา บางคนถนัดเรื่องการเขียน ฯลฯ
      2. ครูที่สอนจะมีสมาธิกับเราแค่คนเดียว และสอนได้เต็มที่ - ข้อนี้ขึ้นอยู่กับคนสอนด้วยส่วนหนึ่ง ถ้าคุณได้ครูที่ดีและตั้งใจสอน คุณจะพัฒนาไปได้เร็วมาก
      3. เรียนเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับตัวเรา - ถ้าเราเข้าใจเนื้อหาเร็วก็ข้ามไปเรื่องอื่นได้เลย ไม่ต้องรอเพื่อน แต่ถ้าเรายังไม่เข้าใจเนื้อหาตรงไหน เราก็บอกให้เค้าอธิบายเพิ่มได้จนกว่าเราจะเข้าใจ
    • ข้อเสีย
      1. ราคาแพง - ข้อเสียอย่างเดียวของการเรียนตัวต่อตัวคือเรื่องราคา ถ้าคุณไปเรียนตามโรงเรียนสอนภาษาแบบตัวต่อตัวราคาจะอยู่ที่ชั่วโมงละ 700 - 900 บาท (เรียนกับเจ้าของภาษา) ขึ้นอยู่กับว่าจะเรียนแบบระบุเวลา เช่น เรียนทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ครั้งละ 2 ชั่วโมง หรือเรียนแบบลงเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ นอกจากนี้ราคายังขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เรียน เช่น ถ้าเรียนช่วง 9:00AM - 4:00PM ราคาจะถูกกว่าเรียนหลัง 4:00PM แต่ถ้าหาครูได้เองราคาก็จะถูกลงมอยู่ที่ชั่วโมงละ 350 - 500 บาทต่อชั่วโมง การหาครูสอนแบบตัวต่อตัวจะเขียนในครั้งต่อไป
    • สรุป
      • การเรียนตัวต่อตัวนั้นได้ผลดีที่สุด สำหรับคนที่มีเงินเยอะอาจจะไปเรียนตามโรงเรียนสอนภาษาอย่าง Berlitz, Inlingua, หรือ Wall Street Institute แต่ถ้าอยากประหยัดก็ต้องหาครูที่รับสอนแบบ freelance ตามบ้าน ซึ่งราคาถูกกว่าและไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปตามโรงเรียน การหาครูสอนภาษาแบบ freelance จะเขียนแยกอีกบทความนะครับ

    เทคนิคและวิธีเลือกครูสอนภาษาอังกฤษ

    การเลือกครูสอนภาษาอังกฤษนั้นมีหลายอย่างที่ต้องคิด อย่างแรกเลยคือต้องการพูดภาษาอังกฤษแบบไหน เช่น อเมริกัน, อังกฤษ หรือแบบฟิลิปินส์ ถ้าอยากพูดแบบไหน (สำเนียง และคำศัพท์) ก็เลือกครูสอนจากประเทศนั้น

    หลังจากเลือกได้แล้วว่าต้องการครูจากประเทศไหน ให้ลองหาตามเว็บต่างๆ เช่น craigslist, ajarn.com ทั้ง 2 เว็บไซต์สามารถโพสหาครูสอนภาษาอังกฤษได้ฟรี หลังจากโพสไป 2 - 3 วันก็จะเริ่มมีครูส่ง resume มาให้เรา ถ้าสนใจครูคนไหนก็ลองติดต่อไป (หรือจะลอง search จาก Google ก็ได้เช่นกัน)

    ในขั้นตอนการติดต่อให้คุยรายละเอียดว่าเราต้องการอะไร เค้าสอนได้หรือเปล่า ใครเป็นคนเตรียมเอกสารหรือหนังสือที่ใช้เรียน ตรงนี้ควรถามให้ละเอียดไม่ต้องเกรงใจ และถ้าต้องการครูที่มีความรู้จริงๆ ควรหาครูที่จบภาษาโดยตรง หรือถ้าต้องการครูที่สอนสนทนาได้ อย่างน้อยควรมีใบประกาศ CELTA, TESOL ผมไม่แนะนำให้เรียนกับครูที่ไม่ได้จบด้านภาษาหรือไม่ได้เข้าอบรมการสอนภาษาอังกฤษ (CELTA, TESOL) เพราะเค้าอาจจะไม่สามารถตอบคำถามเวลาคุณสงสัยได้

    ขอนอกเรื่องนิดนึง ผมเคยจ้างครูอเมริกัน 1 คนมาสอนที่บ้าน ไม่มีวุฒิ ไม่ได้เข้าอบรมการสอนภาษาอังกฤษ เค้าเหมือนมานั่งคุยให้ครบชั่วโมง ผมต้องเตรียมเอกสารเองทุกอย่าง และคำศัพท์บางคำที่ผมสงสัยเค้าก็ตอบไม่ได้ ตอนนั้นเซ็งมาก จะเลิกก็ไม่ได้เพราะตกลงเรียนไว้ 1 เดือน

    กลับเข้าเรื่องกันต่อ ปกติการคุยกันครั้งแรกจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ถ้าคุยแล้วพอใจให้ตกลงเรียน 1 - 5 ครั้ง อย่าลงเรียนทีเดียว 10 หรือ 20 ครั้งถึงแม้ว่ามันจะได้ราคาถูกกว่า แต่ถ้าไม่พอใจก็ให้ปฏิเสธไปเลย ถ้าไม่กล้าปฏิเสธก็บอกว่าขอคิดดูก่อน ถ้าสนใจจะติดต่อกลับไป

    ก่อนจบบทความ ขอเล่าประสบการณ์ของตัวผมเองอีก 1 เรื่อง หลังจากได้ประสบการณ์แย่ๆ จากครูไม่มีวุฒิคนแรกแล้ว ครูคนที่ 2 ของผมเลยหาแบบมีวุฒิจาก U Top 10 ด้านการศึกษาของอเมริกา ตอนคุยกันครั้งแรกแผนการสอนของเค้าดีมาก เค้าบอกว่าจะแก้ incorrect grammar, final -s(es) ให้และเค้าจะเป็นคนเตรียมเอกสารการสอนทั้งหมด ผมเลยตกลงเรียน 20 ครั้ง แต่พอเรียนจริงสอนครั้งแรกแล้วบอกว่า grammar ผมถูกหมด ไม่มี drop final -s(es) และหลังจากนั้นก็ไม่มีการ note เรื่อง grammar ให้ผมอีกเลย (คือตอนเรียช่วงนั้นผมน่าจะมี drop final -s(es) ประมาณ 10 - 15% และใช้ grammar ผิดในประโยคที่ซับซ้อนอยู่ เพราะครูอีกคนที่ผมเรียนด้วยเค้าจะแก้ให้ผมทุกครั้งที่ผมเรียน; เดี๋ยวจะพูดถึงครูคนนี้ในโพสอื่น) และเอกสารที่ใช้สอนก็เป็นหนังสือที่ผมไม่ค่อยสนใจ เวลาสอนส่วนใหญ่ก็จะนั่งพูดให้ฟัง โดยบอกว่าฝึก listening skill ให้ผม ผมไม่ค่อยได้พูดอะไรตอนเรียนเลย สรุปเซ็งรอบสอง

    สรุปวิธีการเลือกครูสอนภาษาอังกฤษ

    1. เลือกครูจากประเทศที่เราต้องการเรียนภาษาอังกฤษ เช่น ถ้าอยากเรียนภาษาอังกฤษแบบอเมริกันก็ให้หาครูที่มาจากประเทศอเมริกา, ถ้าอยากเรียนภาษาอังกฤษแบบอังกฤษก็ให้หาครูจากประเทศอังกฤษ แต่ถ้าอยากพัฒนาด้านภาษาโดยไม่สนใจเรื่องสำเนียงก็เลือกครูจากประเทศไหนก็ได้ที่เป็นประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา
    2. ควรเลือกครูที่สามารถคุยก่อนตัดสินใจได้ จะได้รู้ว่าเราชอบครูหรือเปล่า ชอบวิธีการสอนไหม ครูที่ดีและมั่นใจในความสามารถของตัวเองเกือบทุกคนจะนัดพบกันก่อนตัดสินใจเรียนอยู่แล้ว เหมือนเป็นการ interview ก่อนรับเข้าทำงาน ถ้าครูคนไหนไม่มาหรือมาไม่ได้ นัดแล้วเลื่อนแบบกระทันหัน (ส่วนใหญ่ชอบอ้างท้องเสีย) ก็ข้ามไปได้เลย
    3. ควรลงเรียนครั้งแรกน้อยๆ 1 - 5 ครั้ง (ครั้งละ 1 ชั่วโมง) อย่าเห็นแก่ของถูก เพราะถ้าสอนไม่ดีจะได้เลิกเรียนได้เลย ไม่ต้องทนเรียนเป็น 10 - 20 ครั้ง ถ้าสอนดีก็ลงเพิ่มอีกครั้งละ 5 ชั่วโมง สำหรับผมจำนวนชั่วโมงที่จะตัดสินใจลงเรียนทีละเยอะๆ คือ 30 ชั่วโมง คือถ้าเรียนมาครบ 30 ครั้งแล้วยังรู้สึกว่าสอนดีผมก็จะนัดเรียนล่างหน้าประมาณ 1 เดือน โดยจ่ายล่วงหน้าทีไปเลย (ตอนนี้มี 3 คนที่ผมทำแบบนี้)